ในโลกเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับการกดแป้นพิมพ์ ลองดูการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในช่วงหกปีที่ผ่านมา สมาร์ทโฟนเปลี่ยนจากอุปกรณ์ที่ “มีไว้ก็ดี” ไปเป็นอุปกรณ์ที่ “ขาดไม่ได้” สื่อดิจิทัลกำลังเป็นกระแสหลัก และอุปกรณ์อัจฉริยะกำลังค่อยๆ เข้ามาในบ้านของเรา หากคุณเป็นผู้บริโภคเจเนอเรชัน Z อายุ 18-24 ปี หรือมิลเลนเนียลรุ่นเยาว์กว่าในปัจจุบัน วิวัฒนาการนี้เกิดขึ้นในช่วงวัยรุ่น แล้ววัยผู้ใหญ่ได้เปลี่ยนแปลงวิธีที่กลุ่มคนเหล่านี้ฟังวิทยุ ซึ่งเป็นสื่อที่มีการเข้าถึงทั่วประเทศมากที่สุดไปอย่างไรบ้าง
ย้อนกลับไปในฤดูใบไม้ผลิปี 2011 ผู้บริโภคอายุ 12-17 ปี ใช้เวลาเฉลี่ย 9 ชั่วโมง 15 นาทีกับวิทยุในแต่ละสัปดาห์ ไม่ใช่วิทยุอินเทอร์เน็ต ไม่ใช่วิทยุดาวเทียม แต่เป็นวิทยุ AM/FM แบบเดิมๆ หกปีต่อมา ผู้บริโภคกลุ่มเดียวกันนี้ (ปัจจุบันคือกลุ่มอายุ 18-24 ปี) ใช้เวลาเฉลี่ย 10 ชั่วโมง 15 นาทีกับวิทยุในแต่ละสัปดาห์ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เมื่อวัยรุ่นโตขึ้น พวกเขาจะใช้เวลาฟังวิทยุมากขึ้น
มันจะเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร?
การจ้างงานเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาในกลุ่มอายุเหล่านี้ เนื่องจากชาวอเมริกันที่ทำงานประจำส่วนใหญ่มักฟังวิทยุเมื่อไม่ได้อยู่บ้าน เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลในปี 2011 ซึ่งมีเพียง 5% ของผู้ฟังวิทยุอายุ 12-17 ปีที่ทำงานประจำ (ทั้งแบบเต็มเวลาและแบบพาร์ทไทม์) จะเห็นได้ชัดเจนว่าเหตุใดการใช้งานวิทยุจึงเพิ่มขึ้นตามอายุ ปัจจุบัน ผู้ฟังอายุ 18-24 ปีเหล่านี้มีงานทำถึง 64% ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ในรถเพื่อเดินทางไปกลับที่ทำงาน หรือจะใช้วิทยุเป็นเพื่อนฟังตลอดวันทำงาน คนทำงานก็มีโอกาสได้ใช้เวลากับสถานีวิทยุโปรดของพวกเขามากขึ้น
และจาก รายงาน Nielsen Total Audience Report ประจำไตรมาสแรกของปี 2017 พบว่าวิทยุเข้าถึงกลุ่มคนรุ่น Z ถึง 88% และกลุ่มคนรุ่นมิลเลนเนียลถึง 93% ในแต่ละสัปดาห์ ยิ่งไปกว่านั้น เวลาที่ใช้ในการฟังวิทยุในแต่ละวันยังเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบคนรุ่นเยาว์กับรุ่นใหญ่ โดยคนรุ่นมิลเลนเนียลใช้เวลาฟังวิทยุมากกว่าคนรุ่น Z ประมาณ 30 นาทีในแต่ละวัน
เมื่อเราพิจารณาวิธีที่คนรุ่น Z และคนรุ่นมิลเลนเนียลรุ่นหลังมีปฏิสัมพันธ์กับสื่อ เรามักจะสรุปได้ง่ายๆ ว่าพฤติกรรมเหล่านี้ไม่ได้รวมถึงสื่อแบบดั้งเดิมควบคู่ไปกับสื่อแบบใหม่ นั่นคือจุดที่ข้อมูลสามารถช่วยแยกแยะความจริงออกจากการคาดเดา