การเติบโตในระยะยาวต้องอาศัยกลยุทธ์การตลาดที่สมดุล
นักการตลาดมักถูกกดดันให้สร้างผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ที่วัดผลได้ สำหรับความพยายามของตน แต่ความต้องการการเติบโตกลับเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่โลกกำลังมองไปยังอนาคตหลังการระบาดใหญ่ ดังที่แบรนด์ข้ามชาติหลายแบรนด์ได้ชี้ให้เห็น การเติบโตดังกล่าวต้องได้รับการจัดการด้วยกลยุทธ์การตลาดที่สมดุล ซึ่งยกระดับความพยายามในการสร้างแบรนด์ในช่องทางบน (upper-funnel) ให้ทำงานควบคู่ไปกับความพยายามในช่องทางกลางและช่องทางล่าง
การปรับสมดุลกลยุทธ์การตลาดก่อนเกิดการระบาดของแบรนด์อย่าง Gap และ Adidas สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญประการหนึ่ง นั่นคือ การสร้างและรักษาแบรนด์ไม่ได้มีแค่การรักษายอดขายเพียงอย่างเดียว เพราะฐานลูกค้าเดิมของแบรนด์ใดๆ ก็ตามไม่สามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นได้มากพอที่จะบรรลุเป้าหมายการเติบโตระยะยาวส่วนใหญ่
ที่สำคัญ ความพยายามทางการตลาด แบบช่องทางบน (upper-funnel) เป็นเครื่องมือสำคัญในการกระตุ้นยอดขาย นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดประโยชน์เสริมมากมายที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกระตุ้นยอดขาย บทความนี้จะเจาะลึกถึงความสำคัญของกลยุทธ์การตลาดที่สมดุล และประโยชน์ที่โครงการทั้งในระยะสั้นและระยะยาวจะมอบให้ตลอดเส้นทางสู่ความยั่งยืนของแบรนด์